เกร็ดความรู้การเลี้ยงนกกรงหัวจุก

สำหรับวิธีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกระยะต่างๆ มีดังนี้
การเลี้ยงดูลูกนกเกิดใหม่ ลูกนกที่เกิดใหม่ มีวิธีการให้อาหารคือ 1. อาหารลูกไก่ทำให้ละเอียด 2. กล้วยน้ำว้าเละ 3.หนอนนก
การป้อนอาหารจะป้อนสลับกันไป ถ้าหากลูกนกยังร้องอยู่ก็แสดงว่าลูกนกยังไม่อิ่ม ให้
ป้อนอาหารจนกว่าลูกนกจะหยุดร้อง หรือดูว่าลูกนกกินอาหารมากพอสมควรแล้วก็หยุดป้อน
นอกจากป้อนอาหารแล้ว ต้องป้อนน้ำและหัดให้ลูกนกกินอาหารเองบ้าง จนอายุ 15 – 20 วัน ขึ้นไปก็สามารถแยกลูกนกไปไว้ในกรงเดี่ยว และให้แขวนใกล้ลูกนกตัวอื่นๆ เพื่อไม่ให้ลูกนกตื่นกลัวการเลี้ยงดูลูกนกในกรง ลูกนกในกรงเริ่มกินอาหารเองได้แล้ว และมีสุขภาพแข็งแรง เมื่ออายุได้ประมาณ 40 วัน ขนจะขึ้นทั่วตัว สีขนของนกจะเปลี่ยนเป็นสีเทา เมื่อนกอายุได้ 100 – 120 วันขึ้นไป นกจะเริ่มผลัดขน ขนจะเปลี่ยนเป็นสีขาวสีน้ำตาล ต่อมาจะมีขนแดงใต้ตาและมีแก้มสีขาว มีแถบดำที่เรียกว่าสร้อยคอ ขนใต้หางจะเปลี่ยนเป็นสีแดงส้ม ระยะนี้ต้องให้อาหารนกกินให้สมบูรณ์
การเลี้ยงนกหนุ่ม
เมื่อนกกรงหัวจุกผลัดขนจนเป็นนกหนุ่มที่สมบูรณ์แล้ว ส่วนต่างๆ ของร่างกายจะแข็งแรงเจริญเติบโตและสมบูรณ์ดี ช่วงอายุนกหนุ่มขึ้นไปจะมีการผลัดขนปีละ 1 ครั้งขึ้นไป ขณะผลัดขนควรจะนำนกไปไว้ในกรงผลัดขน ซึ่งกรงจะใหญ่กว่ากรงเลี้ยงธรรมดา หรืออาจปล่อยไว้ในกรงพักนกใหญ่ก็ได้ ในช่วงผลัดขน นกจะไม่ร้องถ้าร้องก็ร้องเพียงเล็กน้อยจนกว่าจะผลัดขนหมดจึงจะเริ่มร้อง นกหนุ่มจะร้องเพลงได้เมื่อมีอายุประมาณ 1 ปี การเลี้ยงนกกรงหัวจุกที่อ้วน เมื่อเริ่มเลี้ยงใหม่ๆ มักจะให้อาหารแก่นกเป็นอย่างดี เพราะนกเมื่อได้มาใหม่จะผอม จึงเป็นสาเหตุให้นกอ้วนเกินไป ส่งผลให้นกขี้เกียจกระโดดออกกำลังกาย ขี้เกียจร้อง ดังนั้น จึงต้องลดความอ้วนของนกลง โดยการให้อาหารให้น้อยลงโดยเฉพาะอาหารพวก กล้วยน้ำว้า อาหารเม็ด และหนอนนก เพราะอาหารพวกนี้จะมีโปรตีนแลไขมันสูง ควรงดการให้สักระยะหนึ่งจนกว่านกจะผอมลง ต้องให้อาหารจำพวก มะละกอสุก ลูกตำลึงสุก เพื่อให้นกถ่ายอุจจาระบ่อยๆ และให้นำนกไปตากแดดมากขึ้น
อาหาร นกกรงหัวจุกชอบกินผลไม้และพืชผักเป็นหลัก นอกจากนี้ยังชอบกินหนอน ตั๊กแตน และแมลงอื่นๆ ซึ่งเป็นอาหารโปรตีน เพื่อทำให้ร่างกายเจริญเติบโต หากเป็นอาหารเม็ด ควรใช้อาหารลูกไก่เพราะจะมีโภชนาการครบถ้วน
อาหารต่างๆ มีดังนี้
ผลไม้ ได้แก่ กล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก ส้มเขียวหวาน ฝรั่งสุก มะม่วงสุก พุทราสุก
พืชผัก ได้แก่ ลูกตำลึง มะเขือเทศ แตงกวา พริกขี้หนูแดง บวบ
หนอนและแมลง ได้แก่ หนอนนก ไข่มดแดง ปลวก จิ้งหรีด ตั๊กแตน แมลงเม่า เป็นอาหารโปรตีน ทำให้นกเจริญเติบโตได้เร็ววันที่ 15 – 21 กันยายน 2551 อาหารเม็ด ใช้อาหารสำหรับลูกไก่ ควรเสริมให้นกกินเป็นบางครั้งบางคราว ผู้เลี้ยงควรเปลี่ยนอาหารสลับกันไปเช่น เป็นผลไม้บ้าง พืชผักบ้าง หนอนนกบ้าง และอาหารเม็ดบ้างใบพืช ได้แก่ ใบมะขาม ใบผักหวาน ใบตำลึงเมล็ดพืช เช่น เมล็ดธัญพืช เมล็ดทานตะวัน เมล็ดเกาลัด และพวกถั่ว เป็นต้น
อาหารพิเศษ ใช้เป็นอาหารเสริมจากอาหารหลัก เพื่อให้นกมีความแข็งแรงสมบูรณ์ คึกคัก หรือช่วยรักษาอาการป่วย ปกติจะให้อาหารเสริมแก่นกตัวพิเศษที่เลี้ยงไว้แข่งขัน เช่น ข้าวสวยสุกผสมแกงส้มภาคใต้ พริกสดแช่น้ำผึ้ง กระดองปลาหมึก ทราย แท่งไอโอดีน วิตามิน เป็นต้น
อาหารผสม เป็นอาหารจำพวกเมล็ดพืชผสม มีความหลากหลายของสารอาหาร เช่น คาร์โบไฮเดรต ไขมันโปรตีน วิตามินและแร่ธาตุต่างๆ ซึ่งจะมีส่วนผสมของถั่ว ผักและผลไม้แห้ง และควรเสริมด้วยผักและผลไม้ให้นกด้วยการให้อาหาร ควรให้อาหารเป็นเวลา อย่าให้พร่ำเพรื่อหรือหลายอย่างพร้อมกัน เพราะถ้านกกินอิ่มมากเกินไปจะทำให้ท้องเสีย ควรให้นกกินอาหารหลากหลายชนิดจนเกิดความเคยชินการให้น้ำ ควรมีน้ำที่สะอาดให้นกอย่างเพียงพอตลอดเวลาวิธีการดูแลนกกรงหัวจุกในตอนเช้า ให้เปลี่ยนอาหารนก โดยผ่ากล้วยน้ำว้าสุก มะละกอสุก มะเขือเทศสุก ลูกตำลึงสุก แตงกวา บวบออกเป็นครึ่งลูก หรือทำเป็นชิ้น ๆ ถ้าเป็นลูกตำลึงสุกก็ให้ทั้งลูก การให้อาหารควรจะสลับกันไปวันละ 2 ชนิด เพื่อกันไม่ให้นกเบื่ออาหาร สำหรับอาหารเม็ดก็ใส่ไว้ในถ้วยอาหาร อาจไม่ต้องให้ทุกวันเมื่อเปิดกรงนกหัวจุก ให้สังเกตดูขี้นก หากขี้นกเป็นแบบขี้จิ้งจก คือเป็นเม็ดสีขาวดำแสดงว่าปกติ แต่ถ้ามีลักษณะเหลว หรือเป็นน้ำ ก็แสดงว่านกป่วยต้องรีบรักษาทันทีการให้น้ำ ให้เปลี่ยนน้ำใหม่ใส่ให้เกือบเต็มถ้วย เพราะน้ำเก่าอาจจะสกปรกการนำนกกรงหัวจุกไปตากแดด เพื่อให้นกได้กระโดดไปมาออกกำลังกาย และเพื่อให้นกร้อง ให้ตากแดดตั้งแต่
ตอนเช้าจนถึงตอนบ่าย
ข้อควรระวัง คือ อย่าแขวนนกที่มีอายุน้อยใกล้กับนกที่มีอายุมากเพราะจะถูกข่มขู่ ลูกนกและนกหนุ่ม ควรค่อย ๆ เพิ่มเวลาแขวนตากแดดวันละ 1 ชั่วโมง เป็นวันละ 2 ชั่วโมง และตากแดดไว้นานขึ้นจนนกเคยชิน เพราะเวลานำนกกรงหัวจุกเข้าประกวดแข่งขันต้องใช้เวลา 5 – 6 ชั่วโมง ในการประกวด ซึ่งนกต้องตากแดดตลอดเวลา หลังจากให้นกตากแดดตั้งแต่เช้าจนถึงบ่าย ก็ให้เก็บนกและกรงนกไว้ในที่ร่ม ทำความสะอาดกรง ตะขอที่เกี่ยวอาหาร ถ้วยใส่น้ำถ้วยใส่อาหารเม็ด ล้างถาดรองขี้นก ให้อาหารและน้ำนกเช่นเดิม ให้นกอาบน้ำ โดยนำขันอาบน้ำใส่ไว้ในกรง ใส่น้ำลงไป
นกก็จะอาบน้ำเอง ถ้านกตัวไหนไม่ชอบอาบน้ำ ก็จะใช้สเปรย์ฉีดน้ำเป็นฝอยให้ทั่วตัวนก เสร็จแล้วเทน้ำที่ขันอาบน้ำนกทิ้งแล้วคว่ำขันลงทิ้งไว้ในกรงนก เมื่อได้อาบน้ำแล้วนกจะมีความสุข อารมณ์ดี และร้องเพลงได้ดีหลังจากนั้นให้นำนกไปแขวนไว้ที่ชายคาบ้าน หรือราว หรือกิ่งไม้ไว้เหมือนเดิม เวลาประมาณ 15.00 – 16.00 น.ซึ่งจะเป็นแดดอ่อนๆ ไม่แรงมากนัก ให้นกได้ตากแดดอีกครั้ง ประโยชน์ของการตากแดดเพื่อให้นกสังเคราะห์วิตามินดีช่วยให้กระดูกแข็งแรง และเพื่อให้นกขนแห้งสนิท ฟูสวยงามเป็นเงาและไม่คันตัว กรงนกก็จะแห้งและไม่ขึ้นรา อายุการใช้งานของกรงก็นานขึ้น หลังจาก 16.00 น. ในช่วงใกล้ค่ำให้เก็บนกเข้าบ้าน ปิดผ้าคลุมกรงเพื่อให้นกพักผ่อนจังหวัดพิจิตรของเรามีการเลี้ยงนกกรงหัวจุกแทบทุกอำเภอ โดยเฉพาะที่อำเภอสากเหล็ก ตะพานหินและอำเภอเมือง และได้มีการจัดตั้งชมรมนกกรงหัวจุกขึ้น จะเห็นว่าการดูแลนกกรงหัวจุกนั้นไม่ยากหากเรามีความตั้งใจและรักที่จะเลี้ยง
แนะเลี้ยง นกกรงหัวจุก ให้เป็นนักรบราวเหล็ก

นิพนธ์ สีลาเนียม คนรักนกแห่งสวนผึ้ง ราชบุรี แนะเลี้ยงนกกรงหัวจุก ให้เป็น "นักรบราวเหล็ก" (มติชนออนไลน์)
คอลัมน์ เทคโนฯสัตว์เลี้ยง
โดย มนตรี แสนสุข
นกกรงหัวจุก นกตัวน้อย ปราดเปรียว เสียงไพเราะ หลายคนตั้งฉายามันคือ "นักรบราวเหล็ก" นั่นก็คือ เวลานำกรงขึ้นราวเหล็กในสนามแข่งขันการประกวดเสียงนกร้อง นักรบตัวน้อยน่ารักเสียงใสจะคึกคักปราดเปรียวมีความหึกเหิมที่จะเข้าต่อสู้พันตูกับนกกรงอื่น ๆ นักรบตัวน้อยจะส่งเสียงร้องก้องกังวานเข้าต่อกรกับนกกรงข้าง ๆ ประหนึ่งใช้เสียงเข้าข่มขวัญ ฝ่ายนกคู่ต่อสู้กรงข้าง ๆ ก็จะส่งเสียงร้องก้องกังวานโต้ตอบเช่นกัน เป็นการใช้เสียงเข้าต่อกร เพราะไม่มีทางที่จะจิกตีให้รู้แพ้รู้ชนะกันได้แน่นอน นกเก่งๆ หลายตัวพอขึ้นราวเหล็กในสนามแข่งขัน เพียงแค่ส่งเสียงร้องก้องกังวานที่ไพเราะ ก็เล่นเอาไม่มีใครอยากจะให้นกของตนเองไปอยู่ข้าง ๆ ซะแล้ว และนี่ก็เป็นที่มาของ "นักรบราวเหล็ก" การเลี้ยงนกกรงหัวจุกเพื่อเข้าสู่สนามแข่งขัน การประกวดเสียงร้องของนก ซึ่งปัจจุบันนี้กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น ๆ
คุณนิพนธ์ สีลาเนียม หรือ นวย จอมบึง กรรมการบริหารสมาพันธุ์ผู้เพาะเลี้ยงนกกรงหัวจุก ภูธรภาค 7 แห่งอำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี กล่าวว่า นกกรงหัวจุกนี้เริ่มเลี้ยงกันในจังหวัดภาคใต้มาก่อน มีการแข่งขันประกวดเสียงร้องของนกมานานหลาย 10 ปีแล้ว ได้รับความนิยมจากประชาชนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ปัจจุบันความนิยมเลี้ยงนกกรงหัวจุกแพร่หลายไปทั่วประเทศ เป็นเรื่องที่น่ายินดีมาก
คุณนิพนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า นกกรงหัวจุกยังถูกจัดอยู่ในประเภทสัตว์ป่าสงวนฯ ถ้าถามว่า มีไว้ในครอบครองจะผิดกฎหมายหรือไม่ ก็ต้องบอกว่ายังผิดกฎหมายอยู่ แต่ก็มีเจ้าหน้าที่จากกรมป่าไม้เข้ามาจดทะเบียนนกเลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์ เพาะขยายพันธุ์ และเพื่อการประกวดเสียงร้อง เป็นนกเลี้ยงตามบ้านทั่วๆ ไป ไม่ได้ไปจับมาจากป่า เลี้ยงเพื่อการอนุรักษ์และขยายพันธุ์ จึงสามารถเพาะเลี้ยงกันได้เช่นในทุกวันนี้
นกกรงหัวจุก ที่นิยมมาเลี้ยงกันนั้น คุณนิพนธ์ บอกว่า สายพันธุ์ส่วนใหญ่เป็นนกมาจากภาคใต้ ลักษณะของนกที่นิยมเลี้ยงต้องแก้มแดง หงอนสูงโค้ง ก้นแดง ร้องเสียงไพเราะ ซึ่งในกลุ่มเดียวกันนี้ก็มีนกปรอดบ้านไม่มีจุก นกปรอดบ้านหน้าขาว และนกปรอดบ้านหน้ามอมจุกดำ ไม่นิยมเลี้ยงเพื่อการแข่งขันเสียงร้อง เพราะร้องน้ำเสียงไม่ไพเราะ
นกกรงหัวจุกแต่ละถิ่นผู้เพาะเลี้ยงนกที่ช่างสังเกตและศึกษาเรียนรู้จริง ๆ จัง ๆ แล้วจะทราบดีว่ามีลักษณะรูปพรรณสัณฐานแตกต่างกัน แต่ก็ไม่มากนัก แตกต่างในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น คนที่ไม่ใช่นักเลี้ยงนกกรงหัวจุกจริงๆ อาจจะไม่ทราบข้อแตกต่างก็ได้ อย่างเช่น นกกรงหัวจุกจากสวนผึ้ง ราชบุรี ก็มีความแตกต่างจากนกภาคใต้ น้ำเสียงลีลาการร้องก็แตกต่างออกไป ปัจจุบัน นกจากสวนผึ้งได้รับความนิยม จัดอยู่ในชั้นแนวหน้าของนกเสียงไพเราะก็ได้
"นกจากใต้ประเภทเสียงทองจะร้องเสียงใหญ่ห้าว บางตัวร้องได้ถึง 6-7 พยางค์ การฟังเสียงร้องของนกนั้น นับจากคำร้อง ถ้าร้อง 1 ครั้ง นับเป็น 1 พยางค์ เช่น นกร้อง จก ควิก ควิก แบบนี้ 3 พยางค์ ร้อง จก ควิก ควิก ไขว ยอ ลิ เหลี่ยว อย่างนี้ 7 พยางค์ แต่นกส่วนใหญ่จะร้อง 3 พยางค์ เช่น จก ควิก ควิก หรือ ควิก จก ควิก นกประกวดเสียงร้องมักจะร้อง 4-5-6 พยางค์ การร้องแต่ละพยางค์ของนกนั้น เขาเรียกว่า "แม่ไม้เพลงนก" ซึ่งผู้เลี้ยงจะต้องเข้าใจและฟังเสียงร้องของนกได้"
คุณนิพนธ์ กล่าวและว่า สำหรับผู้ที่คิดจะเลี้ยงนกกรงหัวจุกเป็นประเภทมือใหม่สมัครเล่นนั้น ก่อนจะไปซื้อนกมาเลี้ยงขอให้ปรึกษาคนที่มีความรู้ กำลังเลี้ยงนกอยู่ในขณะนี้ หรือจะไปซื้อนกตามสนามแข่งขันนกกรงหัวจุกทั่ว ๆ ไปก็ได้ การซื้อนกไม่จำเป็นต้องซื้อนกที่สวยงามถูกต้องตามองค์ประกอบทั้งหมด ทุกวันนี้เราเลี้ยงนกก็เพื่อฟังเสียงร้องที่ไพเราะ เลี้ยงเพื่อการประกวดเสียงร้องของนก เวลานำนกไปแข่งขันตามสนามต่าง ๆ เมื่อนกขึ้นราวเหล็กในสนาม นกจะต้องร้องอย่างเดียวเท่านั้น กรรมการจึงจะตัดสินให้คะแนนเสียงร้องของนก ไม่ได้ดูว่านกตัวนั้นจะสวยหรือไม่สวยขนาดไหน และเสียงร้องของนกต้องร้อง 3 พยางค์ ขึ้นไป จึงจะซื้อได้
"ขอให้ท่านซื้อนกจากคนที่เราอยากซื้อ แต่อย่าซื้อนกจากคนที่เขาอยากขาย"
คุณนิพนธ์ บอกว่า นกที่เขาอยากขายก็หมายความว่า นกตัวนั้นไม่สู้บนราวเหล็ก หรือร้องไม่เพราะ เขาจึงอยากขาย นกต้องมีข้อบกพร่อง เจ้าของจึงอยากขาย แต่กับนกที่เราอยากซื้อก็เพราะเราเห็นว่านกตัวนั้นดี มีน้ำเสียงไพเราะก้องกังวาน หรือคนที่เลี้ยงนกอยู่เขาเลี้ยงเพื่อส่งนกเข้าประกวด กรณีมือใหม่สมัครเล่นถ้าคนขายให้คำปรึกษาได้ดี เลี้ยงนกเพื่อการแข่งขันประกวดเสียงจริงๆ จะมีความน่าเชื่อถือ ถ้ามีโอกาสเลือกนกได้ถึงแม้ราคาแพง หากสู้ราคาได้ก็ควรซื้อ ดีกว่าเลี้ยงนกที่ไม่มีอนาคตในการลงสนามแข่งขัน เปลืองค่าอาหารเปล่าๆ
และถ้าหากจะซื้อนกเล็กหรือลูกนกมาอนุบาลและฝึกซ้อมเองตั้งแต่เล็ก ๆ ได้ก็ควรซื้อ สำหรับกรงนกก็ไม่จำเป็นต้องซื้อกรงราคาแพง ๆ เป็นหมื่นเป็นแสนบาท มือใหม่ ๆ ซื้อกรงแค่พอเลี้ยงนกได้ก็พอแล้ว ราคากรงก็ตั้งแต่ใบละ 100-500 บาท กำลังดี แต่ถ้าเงินมากพอจะซื้อกรงหลักพันหลักหมื่นก็ได้ไม่ว่ากระไร นอกจากนี้ ควรซื้อกรงพักนกซึ่งเป็นกรงใหญ่สักหน่อย ประมาณ 40-50 ซี่ เพื่อให้นกพักหลังแข่งขัน ส่วนกรงธรรมดานกใหม่ ๆ ควรเลี้ยงอยู่ในกรง 13-15 ซี่ อาจจะเล็กไป แต่จำเป็นต้องฝึกให้นกเกิดความเคยชินกับกรง กับเจ้าของ และสภาพแวดล้อมรอบข้าง สถานที่แขวนนกควรแขวนในที่มีอากาศถ่ายเทได้ดี โล่งโปร่ง และต้องหาผ้าคลุมกรงนกด้วย เพื่อไม่ให้นกเครียดจนเกินไป
อาหารของนก ให้กินอาหารเม็ดเป็นอาหารนกกรงหัวจุกโดยเฉพาะเลยจะดีกว่า ส่วนผลไม้นกกินได้แทบทุกชนิด น้ำต้องให้น้ำสะอาด เปลี่ยนน้ำทุกวัน ใส่ยาปฏิชีวนะ วิตามิน B รวม เป็นยาน้ำสีแดงๆ ใส่น้ำให้นกกินเพื่อคลายเครียด
สำหรับนกที่เตรียมตัวลงแข่งขันเสียงร้องต้องให้อาหารเสริมประเภทหนอนนก และผลไม้ จะช่วยให้นกมีความสมบูรณ์ คึกคัก กระปรี้กระเปร่าพร้อมที่จะขึ้นสู่ราวเหล็กในสนามแข่งขัน
คุณนิพนธ์ กล่าวต่อไปอีกว่า นกกรงหัวจุกสามารถฝึกให้ร้องตามที่เราต้องการได้ โดยการหานกแม่แบบ หรือที่เรียกว่า "นกครู" ที่มีเสียงไพเราะ ร้องได้ 3-4-5-6 พยางค์ ตามที่เราต้องการมาเป็นแม่แบบแขวนกรงไว้ ระยะห่างพอสมควร นกที่ฝึกร้องจะค่อยๆ ร้องตามนกแม่แบบหรือนกครู นกฝึกสามารถร้องเพลงตามนกครูได้ กรณีที่หานกครูไม่ได้บางคนใช้เปิดเทปให้นกร้องเลียนเสียงก็มี ประการสำคัญคือนกครูต้องร้องดี ร้องไพเราะถูกต้องตามพยางค์ ไม่ใช่ร้องมั่วสะเปะสะปะจะทำให้นกฝึกร้องมั่วตามไปด้วย
การเลี้ยงนกกรงหัวจุกจำเป็นต้องเอานกตากแดดด้วย คุณนิพนธ์ บอกว่า การตากแดดก็เพื่อฝึกให้นกขยัน ลดไขมันในตัวนก และให้นกชินกับสภาพของแดด เพราะเวลาแข่งขันนกนั้นจะแข่งกันตั้งแต่สายยันบ่ายคล้อย ดังนั้น นกจึงต้องพร้อมที่จะตากแดดอยู่เสมอ การนำนกในกรงขึ้นตากแดดจึงมีความสำคัญมาก
การดูแลนกในแต่ละวันก็จะต้องฝึกให้นกร้องเพลงตามแม่ไม้เพลงนก โดยหานกครูมาช่วยฝึกให้ร้อง นกครูจะร้องไปตามช่วงจังหวะ นกเราเองก็จะร้องตามนกครูเป็นการเลียนเสียงร้องจากนกครู หากเลี้ยงตั้งแต่นกเล็กๆ ไปจนกระทั่งเติบใหญ่ ใช้เวลาประมาณ 2 ปี นกก็สามารถลงสนามแข่งบนราวเหล็กได้แล้ว
แต่ก่อนหน้านั้นช่วงปีแรก เมื่อนกเริ่มร้องเสียงดี มีจังหวะจะโคน ก็ต้องหมั่นนำนกออกหาประสบการณ์โดยการนำไปตามสถานที่ต่างๆ ให้นกได้เรียนรู้นอกสถานที่ ไม่ตื่นกลัวสถานที่แปลกใหม่ ถึงคราวลงสนามแข่งขันตามที่ต่างๆ นกจะได้ไม่ตื่นสถานที่
คุณนิพนธ์ บอกว่า การนำนกตากแดดน่าจะตากแดดก่อนเที่ยง ประมาณ 1-2 ชั่วโมง จึงนำเข้าร่ม ซึ่งตรงจุดนี้ก็ไม่เหมือนกัน บางคนอาจจะตากแดดสายหรือตากแดดบ่าย แล้วแต่คนเลี้ยงว่าจะกำหนดนำนกตากแดดเวลาไหน ไม่มีกฎตายตัว
ส่วนวิธีการทำให้นกร้องเสียงใสดีนั้น แต่ละคนก็มีเคล็ดลับกันทั้งนั้น สำหรับผมให้นกกินน้ำผลไม้รวม ให้กินหนอน นกจะคึกคะนองเต็มที่ เปล่งเสียงร้องก้องกังวาน ดูกระปรี้กระเปร่าก็สามารถนำไปสู่สนามประกวดแข่งขันเสียงร้องได้แล้ว
"นกบางตัวอยู่ที่บ้านใต้ชายคา คึกคะนองร้องดังทั้งวัน พอนำไปสู่สนามแข่งขัน กลับไม่ร้องหรือทำเป็นร้องยังกะนกกระจิบ นกแบบนี้มีมาก เขาเรียกว่า "นักสู้ชายคา" คือเก่งแค่ชายคาบ้าน พอลงสนามแข่งจริงๆ กลับไม่ได้เรื่อง หนทางแก้ไขก็ต้องหมั่นนำนกออกไปหาประสบการณ์นอกบ้านให้บ่อยครั้ง นกจะได้ไม่ตื่นกลัวเวลาอยู่ต่างสถานที่"
คุณนิพนธ์ กล่าวอีกว่า เลี้ยงนกกรงหัวจุกนั้นไม่ยาก สนุกและเพลิดเพลินอีกต่างหาก เมื่อเลี้ยงจนนกร้องเก่งแล้ว ลองนำนกไปสู่สนามแข่งบ้าง ท่านและนกจะได้ประสบการณ์จากการแข่งขันประกวดเสียงนกร้องอีกรูปแบบหนึ่ง
เยี่ยมมากเลย
ตอบลบหิสเรย
ตอบลบ